ผ่าตัดหน้าอกทอม อย่างไรไม่ให้ปลอดภัย

ตัดหน้าอก-ตัดนม

รอบรู้เรื่องตัดหน้าอกทอม Transman

ก่อนตัดหน้าอกต้องพบจิตแพทย์ไหม ?

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของศัลยกรรมตัดหน้าอกทอม ว่ามันมีที่มาอย่างไร มีลักษณะการผ่าตัดหน้าอกอย่างไรบ้าง แล้วมีเรื่องไหนบ้างที่ทอมทุกคนที่อยากแก้ปัญหาหน้าอกตัวเองควรรู้ มาดูกันว่าแต่ละรูปแบบของการผ่าตัดหน้าอกทอมมีเรื่องอะไรที่ต้องรู้กันบ้าง

รู้เรื่องฮอร์โมนก่อนผ่าตัดหน้าอก

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเพศหญิงไม่มีฮอร์โมน Testosterone ซึ่งฮอร์โมนนี้ถูกผลิตด้วยลูกอัณฑะของผู้ชาย เพราะฉะนั้นผู้หญิงก็จะมีฮอร์โมนเพศหญิงที่เด่น ที่มีชื่อเรียกว่า Estrogen ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำหน้าที่สะสมไขมัน และกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของหน้าอก ทำให้เกิดลักษณะของเพศหญิง มีบั้นท้าย ซึ่งต่างกันกับฮอร์โมน Testosterone ที่ทำให้เกิดกล้าม กล้ามเนื้อจะใหญ่ มีหนวดเครา ขนตามจุดต่างๆ เยอะ เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่อยากแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย จำเป็นต้องฉีดฮอร์โมน Testosterone เข้าไป และในผู้หญิงบางคนจำเป็นต้องตัดรังไข่ เพื่อลดปริมาณของ Estrogen เพราะไม่อย่างนั้นจะมีปริมาณการหลั่ง Estrogen เพื่อมาสู้กับ Testosterone สิ่งที่ตามมาคือต้องใช้ฮอร์โมนเพศชาย Testosterone สูงกว่าปกตินั่นเอง

ผ่าตัดหน้าอกทอมอย่างไรไม่ให้ปลอดภัย

เมื่อเราฉีดฮอร์โมน Testosterone มีผลข้างเคียงต่อการผ่าตัดหน้าอกคือ มีผลให้เกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ อันนี้สำคัญ เพราะในทุกครั้งที่มีการผ่าตัด หากคนไข้มีการเทคฮอร์โมน มันจะทำให้ร่างกายเกิดลิ่มเลือดได้ โดยเฉพาะบริเวณขา แล้วการผ่าตัดหน้าอกทอม Trans-man ใช้เวลาผ่าตัดหน้าอกประมาณ 3-4 ชั่วโมง ปัญหาคือเมื่อเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เลือดไหลเวียนไม่ได้ ก็จะวิ่งไหลย้อนกลับไปสู่หัวใจและปอด ทำให้เกิดการหยุดหายใจได้ ** ดังนั้นก่อนการผ่า ตัดหน้าอกทอม ต้องหยุดเทคฮอร์โมนอย่างต่ำ 2-4 สัปดาห์ และหลังผ่าตัดหน้าอก รอให้แผลหายดีก่อน ซึ่งทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีคำแนะนำให้หยุดฉีดฮอร์โมน 4 สัปดาห์หลังผ่าตัดหน้าอก

การเทคฮอร์โมนมีผลต่อการหายของแผลหรือไม่ ?

ถ้าหากว่าเป็นช่วงที่เราทำการผ่าตัด ควรหยุดเทคฮอร์โมน ส่วนนึงมีสาเหตุมาจากโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

และเรื่องที่2 เกี่ยวกับกับการหายของแผล เมื่อมีการเทคฮอร์โมน ทั้งฮอร์โมน Testosterone และ Estrogen เป็นกลุ่มของ Steroid มันจะกดภูมิคุ้มกัน ทพให้แผลหายช้า และหากเกิดการติดเชื้อ จะเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้

เพราะฉะนั้นหากจะเข้ารับการผ่าตัดหน้าอก คนไข้จึงจำเป็นต้องหยุดฉีดฮอร์โมนตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างต่ำ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน คนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดหน้าอกควรแจ้งประวัติกับแพทย์ที่ทำกการผ่าตัดหน้าอกให้ครบถ้วนเพื่อความปลอดภัย